ความจำถอยหลัง กับ ความรักเต็มเปี่ยม

4 มีนาคม 2563

เตี่ยเป็นผู้นำครอบครัวที่มีความเด็ดขาด พูดน้อย มั่นใจตัวเอง ดูแลทุกเรื่องในบ้าน ในช่วงแรกที่เตี่ยเริ่มเป็นอัลไซเมอร์ อาการไม่ชัดมาก เริ่มต้นจากมีอาการหลงลืมบ้าง ถามซ้ำๆ หรือพูดเรื่องเดิมซ้ำๆ บ้าง แต่ลูกๆก็คิดว่าเป็นเรื่องปกติของผู้สูงอายุเพราะตอนนั้นเตี่ยก็อายุ 80 แล้ว มาเริ่มรู้สึกว่าไม่ปกติจริงจัง ตอนที่เตี่ยบอกว่ามีคนจะมาทำร้าย ซึ่งไม่ว่าจะช่วยอธิบายยังไงก็ไม่เข้าใจและพาลโกรธคิดว่าเป็นพวกเดียวกับคนที่จะมาทำร้าย

ปัญหารายวันช่วงนั้นคือของในบ้านหาย ดิฉันต้องทำตัวเหมือนนักสืบคอยหาว่าเตี่ยเอาของไปวางไว้ตรงไหนในบ้าน พออาการมากขึ้น เตี่ยเริ่มไม่ดูแลตัวเอง ไม่อาบน้ำ ล้างหน้าแปรงฟัน ต้องขอร้องว่า ถ้าไม่อาบน้ำ ก็ขอเช็ดตัวหรือไม่ก็ล้างเท้าให้แทน ซึ่งต่อรองสำเร็จบ้างไม่สำเร็จบ้าง กลางคืนที่เตี่ยหลับไปแล้วต้องแอบถอดฟันปลอมออกมาล้างทำความสะอาดให้ เคยไม่อาบน้ำติดต่อกัน 7 วันอ้อนวอนอย่างไรก็ไม่ยอมอาบ จากนั้นเริ่มมีปัญหาการควบคุมการขับถ่ายทั้งหนักและเบา แต่ไม่ยอมใส่ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ บางครั้งขับถ่ายเลอะเทอะแต่ไม่ยอมไปล้างทำความสะอาด เมื่ออาการมากขึ้น ลูกหลานต้องเขียนชื่อและเบอร์โทรที่เสื้อเตี่ยทุกตัวเพราะบ้านติดถนนใหญ่ เตี่ยจะเดินออกจากบ้านไปตอนไหนก็ได้ เตี่ยเคยหายออกจากบ้าน ดูจากบันทึกกล้องวงจรปิดเห็นว่าขึ้นแท็กซี่ไป ตอนนั้นโทรหาพี่ๆ ทุกคนให้ออกตามหา รู้สึกใจหายที่สุดในชีวิต คิดว่าเราจะสูญเสียเตี่ยไปแล้ว คิดสับสนไปมาแบบที่เห็นในข่าวว่า เตี่ยจะต้องกลายไปเป็นคนเร่ร่อน ก็ยิ่งกลัว ตั้งใจว่าจะไปตามหาแถวบ้านเก่าที่ย้ายมา เพราะเคยอ่านเจอว่าผู้ป่วยอัลไซเมอร์มักจะกลับไปสถานที่เดิมที่คุ้นเคย แต่ผ่านไปพักใหญ่ก็มีแท็กซี่มาจอดหน้าบ้านแล้วเตี่ยก้าวลงมา พี่แท็กซี่บอกว่าผู้โดยสารให้ขับไปเรื่อยๆ แต่บอกไม่ได้ว่าปลายทางให้ไปที่ไหน สุดท้ายเลยมาส่งที่เดิม ถือว่าเป็นโชคดีของพวกเรามากๆ ที่เตี่ยหายไปไม่นาน

ในช่วงแรกแม่เป็นคนผูกขาดเรื่องการดูแลเตี่ย ทำเองหมดไม่ยอมให้คนอื่นช่วย กลางคืนก็ต้องลุกขึ้นมาเปลี่ยนผ้าอ้อมให้เอง เคยขอร้องแม่ว่าให้ผลัดกันนอนเป็นเพื่อนกับเตี่ยคนละวันก็ไม่ยอมเพราะความรักสามีและไม่อยากให้ลูกลำบาก ด้วยความที่พักผ่อนน้อยและความเครียดสะสมจากการดูแลเตี่ย ปรากฏว่าปัจจุบันแม่ป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์ระยะเริ่มต้นและแถมโรคซึมเศร้ามาอีกโรค ทำให้ตอนนี้ดิฉันกลายมาเป็นผู้ดูแลหลักให้กับผู้ป่วย 2 คนในเวลาเดียวกัน

งานดูแลผู้ป่วยเป็นงานที่ใช้พลังกายและพลังใจอย่างมากต้องรับมือกับอารมณ์ของผู้ป่วย ความเหนื่อยล้าจากการดูแล ความคาดหวังจากคนในครอบครัว แรกๆ ก็รู้สึกว่าหนักหนาสาหัสมาก จนตอนหลังได้เรียนรู้ว่า ผู้ดูแลคนไข้ต้องไม่ลืมดูแลตัวเองด้วย สมาชิกของครอบครัวอื่นที่ไม่ใช่ผู้ดูแลหลักก็ควรช่วยแบ่งเบาภาระ มาสลับสับเปลี่ยนดูแลแทนเป็นครั้งคราว เพื่อให้ผู้ดูแลได้พักผ่อนอย่างเต็มที่และคลายความเครียดบ้าง

ปัจจุบันนี้ ด้วยภาวะของโรคในวัย 91 ปี เตี่ยเป็นผู้ป่วยติดเตียง ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ พูดไม่ได้ มีปัญหาการกลืน อาหารทุกมื้อต้องปั่นละเอียดและป้อนช้าๆ เพื่อป้องกันการสำลัก แต่ละมื้อต้องใช้เวลาป้อนอย่างน้อย 1 ชั่วโมง เตี่ยยังพอเดินได้แบบต้องมีคนคอยประคอง ซึ่งเราต้องพาเตี่ยเดินทุกวันเพื่อป้องกันกล้ามเนื้อลีบ เราคุยกันด้วยภาษากายและภาษาใจทุกวัน เวลาหลานๆมาเยี่ยมที่บ้านก็จะสอนหลานให้ไปกอดอากงอาม่า ถึงแม้ว่าวันนี้เตี่ยจะจำไม่ได้ว่าใครเป็นใคร แต่เชื่อว่าเตี่ยก็รับรู้ได้ถึงความรักที่ลูกๆ หลานๆ มีให้ การแสดงความรักด้วยการกอด การเข้าไปพูดคุย การนวดให้เบาๆ หรือแค่การจับมือก็ช่วยกระตุ้นการรับรู้และช่วยยืดระยะเวลาไม่ให้โรคแย่ลงเร็วจนเกินไป

การอยู่ร่วมกับผู้ป่วยอัลไซเมอร์ใช้แค่ความรักไม่เพียงพอ ต้องอาศัยความเข้าใจอย่างสูง ยิ่งเวลาผ่านไปผู้ป่วยจะช่วยเหลือตัวเองได้น้อยลงเรื่อยๆ ถึงแม้ว่าตอนนี้จะมีคนมาช่วยดูแลเตี่ย แต่ในฐานะลูกที่เป็นผู้ดูแลหลักก็ยังต้องใส่ใจและหมั่นสังเกตการใช้ชีวิตในแต่ละวัน เช่น อารมณ์ ปริมาณอาหารที่ทานแต่ละวัน การขับถ่าย คุณภาพการนอน มีช่วงหนึ่งกลางวันเตี่ยจะนอนเยอะมากและสังเกตเห็นว่ามีแผลตามตัว มาสังเกตเห็นช่วงกลางคืนว่าเตี่ยนอนเกาทั้งคืนจนเป็นแผลถลอกเลือดออกซิบๆ เพราะโครงสร้างผิวของผู้สูงอายุจะเสื่อมลงเรื่อยๆ ทำให้ผิวเก็บความชุ่มชื้นได้น้อยลง ผิวจึงแห้งมาก ต้องทาโลชั่นประจำ ซึ่งก็ทำเป็นปกติทุกครั้งหลังอาบน้ำ แต่โลชั่นที่ใช้เข้มข้นไม่พอทำให้ต้องทาซ้ำบ่อยๆ เคยลองเปลี่ยนมาใช้โลชั่นแบบเข้มข้นทั้งของไทยและต่างประเทศ แต่ก็มีปัญหาเรื่องความเหนียวเหนอะหนะทาแล้วไม่สบายตัว เตี่ยก็นอนไม่หลับอีก ช่วงนั้นกลุ้มใจมากๆ เมื่อตามหาโลชั่นในฝันไม่เจอ ก็เลยตัดสินลองผลิตโลชั่นสูตรสำหรับผิวแห้งที่เนื้อครีมข้นแต่ซึมไวไม่เหนียวมาให้เตี่ยใช้ ทดลองจนได้สูตรที่ทำให้ผิวเตี่ยไม่แห้งไม่คัน ไม่ต้องเกาจนเป็นแผล นอนหลับสนิทตลอดคืน ทำให้พักผ่อนได้เต็มที่ ส่งผลให้ทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจดีอย่างน่าพอใจ จึงตั้งชื่อโลชั่นว่าปิติ และนำออกจำหน่าย เพื่อตั้งใจช่วยเหลือคนที่มีปัญหาแบบเดียวกัน

ทุกวันนี้ เรามีเป้าหมายแค่ว่า ให้เตี่ยกินได้ ขับถ่ายได้ นอนหลับได้ แค่นี้ก็นับว่าประสบความสำเร็จแล้วในทุกๆ วัน

เรื่อง : เภสัชกรหญิง รุ่งมิตร ชุนเฮงพันธุ์ : ผู้ร่วมก่อตั้งปิติ
ขอขอบคุณนิตยสาร Olunla

#ปิติพรีเมียมโลชั่นเพื่อผิวแห้งที่แท้ทรู #ไม่มีพาราเบน #ไม่มีน้ำหอม #ไม่มีแอลกอฮอล์ #ไม่มีสารเคมีอันตราย
LINE id:@piti
IG:@pitidryskinexpert
www.facebook.com/pitidryskinexpert